เรื่องโดย ครองขวัญ รอดหมวน

ปกติเป็นคนชอบอ่านหนังสือ อ่านบทความ ฟังข่าวอยู่แล้ว ยิ่งหากเป็นประเด็นที่อยากจะรู้มากขึ้น รู้ลึกขึ้น ก็จะไปหาหนังสือ หรือบทความมาอ่านเพิ่มเติม ตรงนี้รวมถึงประสบการณ์ที่ได้จากการเดินทางไปทำงานในฐานะนักบินเฮลิคอปเตอร์ของบริษัทน้ำมันแห่งหนึ่งในประเทศ ไนจีเรียด้วย ก่อนจะมาเขียนสรุปแบบย่อลงในเพจเฟสบุ๊ค ที่ชื่อว่า “นัทแนะ” ซึ่งถูกเปิดขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์แรกเริ่ม คือการจัดระเบียบข้อมูลความรู้ที่สนใจ และบังเอิญว่ามีหลายคนเข้ามาอ่านสิ่งที่ได้เขียนไว้ พันตรีธราพงษ์ รุ่งโรจน์ หรือ “กัปตันนัท” (อัสสัมชนิกเลขประจำตัว 32684 รุ่น 109) เล่าถึงที่มาที่ไปก่อนจะนำประสบการณ์ที่ได้มารวบรวมไว้ในหนังสือ “สวัสดีไนจีเรีย (Nigeria, here I come)”
“กัปตันนัท” เล่าย้อนให้ฟังก่อนจะมาทำงานเป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ว่า จริงๆการได้มาเป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์เป็นเรื่องที่บังเอิญมาก โดยแรกเริ่มเดิมทีเรียนอยู่ที่โรงเรียนอัสสัมชัญ จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หลังจากนั้นก็ออกไปเรียนต่อที่โรงเรียนเตรียมทหาร 2 ปี แล้วไปต่อที่โรงเรียนนายร้อยจนจบ และเข้ารับราชการทหารในสังกัดกองทัพบก ก่อนจะได้ทุนของกองทัพบกไปศึกษาต่อปริญญาโท ที่สหรัฐฯ และกลับมารับราชการทหารต่ออีก 5-6 ปี
จนมาถึงจุดที่เรียกว่า “พลิกผัน” เพราะมี“เพื่อนชวนไปสอบโครงการนักบินของบริษัทเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งปฏิบัติการบินให้กับบริษัทเชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ซึ่งตอนนั้นไม่ได้คาดหวังอะไร ก็ตัดสินใจไปสอบกับเพื่อน จนในที่สุดสอบผ่านได้ทุนของบริษัทไปเรียนการบินต่อที่ประเทศแคนาดา ก่อนกลับมาทำงานใช้ทุนบริษัทครบ 10 ปี และเป็นจังหวะพอเหมาะพอดีมาก มีคนชวนไปทำงานเป็น Training Captain ของบริษัท บริสโตวเฮลิคอปเตอร์ (Bristow Helicopter) ประจำอยู่ที่เบสไนจีเรีย
“ตอนแรกที่มีคนชวนให้ไปทำงานที่ไนจีเรีย ยอมรับว่ามีความสนใจสูง รู้สึกว่าน่าลอง มีความอยากรู้อยากเห็นว่าไนจีเรียจะเป็นอย่างไร และไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้ไปทวีปแอฟริกามาก่อน รวมทั้งงานที่ไปทำก็ไปในฐานะนักบินเฮลิคอปเตอร์คอยบินรับส่งพนักงานระหว่างฐานบนฝั่งไปที่แท่นขุดเจาะที่ประเทศไนจีเรีย และเป็นครูการบินคอยสอนนักบินให้บริษัทด้วย ซึ่งใกล้เคียงกับหน้าที่ที่ทำอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว ทั้งหมดผมพิจารณาแล้วว่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีที่หาไม่ได้ง่าย ๆ อีกทั้งผลตอบแทนก็น่าสนใจ หลังจากปรึกษาครอบครัว และพิจารณาจากข้อมูลพื้นฐานทั้งหมดที่มี ก็ตัดสินใจไปไนจีเรียได้ไม่ยากนัก”
หลังจากเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปจนถึงแผ่นดินไนจีเรีย ก็ได้เจอกับประสบการณ์แปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะได้พบเจอมาก่อน นั่นคือ ระบบรักษาความปลอดภัยที่สุดจะแน่นหนา โดยตั้งแต่ก่อนเดินทาง บริษัทจะมีการประสานข้อมูลก่อนว่าจะมีเจ้าหน้าที่มารับ “ดังนั้นเมื่อถึงสนามบินไนจีเรียจะต้องเดินทางไปกับเจ้าหน้าที่ที่มีการประสานข้อมูลมาก่อนหน้านี้เท่านั้น ห้ามไปกับคนอื่นเด็ดขาด!”
นั่นถือเป็นหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับประเทศไนจีเรีย และจากการสอบถาม ได้ความว่า ไนจีเรียยังมีการลักพาตัวเพื่อไปเรียกค่าไถ่อยู่ โดยเฉพาะต่างชาติที่เดินทางมาทำงานในไนจีเรีย จึงกลายเป็นเรื่องปกติหากต่างชาติที่เข้ามาทำงาน โดยเฉพาะกับบริษัทน้ำมัน จะมีบอร์ดี้การ์ดใส่ชุดทหาร ถือปืนอาร์ก้าคอยคุ้มกันอยู่เสมอๆ ด้วยเหตุนี้ไนจีเรียจึงแทบจะไม่มีชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเพื่อท่องเที่ยวเลย ส่วนใหญ่มาเพื่อทำงานเท่านั้น!
จริงๆไนจีเรียไม่ได้มีแค่เรื่องลักพาตัว หรือความอันตรายเท่านั้น ยังมีเรื่องที่น่าประทับใจให้เห็นอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะ “มนุษย์สัมพันธ์ของคนไนจีเรีย” ที่น่ารักมากๆ แม้ว่าภาพลักษณ์ภายนอกของคนไนจีเรียที่เป็นคนผิวสี ตัวสูงใหญ่ ทำให้ใครหลายคนที่ได้พบเห็นจะรู้สึกกลัว แต่เมื่อได้ไปสัมผัสจริงๆ แล้วจะรู้ว่าคนที่นี่เป็นคนที่จิตใจดีมาก เป็นคนจริงใจ ร่าเริง โดยเฉพาะกับคนเอเชีย แม้ว่าสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ รวมถึงฐานะของคนท้องถิ่นที่ส่วนใหญ่ค่อนข้างยากจน แต่ก็ยังมีจิตใจที่โอบอ้อมอารี มนุษย์สัมพันธ์ดี ตรงนี้เป็นเรื่องที่น่าประทับใจอย่างมาก
นี่เป็นเพียงประสบการณ์บางส่วนที่ “กัปตันนัท” ได้เขียนเล่าไว้ในหนังสือ “สวัสดีไนจีเรีย (Nigeria, here I come)” ประเทศที่สร้างประสบการณ์ ความรู้ และความทรงจำมากมาย
ไนจีเรียมีอะไรที่คนยังไม่รู้อีกเยอะ แม้ว่าบางสิ่งจะคิดว่ารู้ข้อมูลมาเพียงพอแล้ว แต่พอไปพบเจอประสบการณ์จริง มันกลับตรงกันข้ามกับที่ได้รู้มาเลย ทั้งหมดนี้ผมได้เขียนไว้ในหนังสือ ซึ่งจะแบ่งออกเป็นบทๆ แต่ละบทจะเล่าเรื่องราวในมุมอื่นๆ ที่แตกต่างกันออกไป ทั้งเรื่องอาหารการกิน ความเป็นอยู่ ชีวิตประจำวัน เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจ และหาไม่ได้ง่ายๆ จากที่อื่นแน่นอน
“กัปตันนัท” ระบุว่า อยากให้หลายๆคนโดยเฉพาะเด็กๆได้อ่านหนังสือเล่มนี้ จะได้เห็นเรื่องราวที่แตกต่าง ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ในอีกซีกโลกหนึ่ง เพื่อมาเติมเต็มความรู้ในแง่มุมต่างๆ เพราะมองว่าการที่เราได้รู้เรื่องของต่างประเทศเยอะๆ เป็นการเปิดโอกาสให้เราได้รู้เรื่องราวและเปิดประสบการณ์ในหลายมิติ หลายมุมมอง ทั้งวิธีการดำรงชีวิต โอกาสและช่องทางการ
ทำงานมากมายบนโลกใบนี้ โดยเฉพาะประเทศไนจีเรีย ประเทศที่มีเรื่องเล่าในมุมที่แปลกใหม่ ซึ่ง “กัปตันนัท” ได้เก็บรวบรวมประสบการณ์ต่างๆ มาใส่ไว้ในหนังสือเล่มนี้ให้ทุกคนที่สนใจได้อ่าน…
สำหรับผู้ที่สนใจหนังสือ Nigeria, Here I come ของกัปตันนัท สามารถสอบถาม และชื้อได้ทางOnline เพจนัทแนะ https://web.facebook.com/นัทแนะ-174664150067376/?ref=br_rs&__nodl
หมายเหตุ: ความน่าสนใจของประเทศไนจีเรียคือ เป็นประเทศที่มีโอกาสในการเปิดธุรกิจใหม่ๆสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารและเครื่องอุปโภค เพราะจำนวนประชากรจำนวนถึง 200 ล้านคน สินค้าไทยที่เห็นมากที่นี่คือ ไวตามิลค์ ขายดีมากและวางขายอยู่ทุกซุปเปอร์มาร์เก็ต